2 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับสุขภาพ

บนโลกนี้มีความเชื่ออยู่มากมาย ซึ่งไม่ใช่ว่าทุกคนจะเชื่อไปหมดซะทุกเรื่อง หลายๆ เรื่องก็สามารถพิสูจน์ได้ จนกลายเป็นทฤษฎี หลายเรื่องก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่แรงศรัทธานั้นยังคงมีอยู่มาก ความเชื่อจากการบอกต่อ ความเชื่อจากการพบเห็นด้วยตนเอง วันนี้เราเอาความเชื่อในเรื่องสุขภาพ มาฝากกัน แต่ไม่ใช่ความเชื่อที่ถูกต้อง แต่เป็นความเชื่อผิดๆ ในเรื่องสุขภาพนั่นเอง ความเชื่อในด้านสุขภาพว่ากินอะไรแล้วจะไม่สบาย ความเชื่อว่าทำอย่างนั้นอย่างนี้สามารถรักษาโรคได้ อยู่ในที่แบบไหนแล้วจะป่วย หรือยาแบบไหนไม่ดีต่อสุขภาพ หลาย ๆ ความเชื่อเป็นจริง แต่อีกหลาย ๆ ความเชื่อก็เป็นเหมือนนิทานหลอกเด็ก และเพื่อไม่ให้โดนหลอก โดยวันนี้เราจะมานำเสนอในเรื่องของความเชื่อบางส่วนที่ไม่จริงมาฝากกันด้วย กับ 2 ความเชื่อผิดๆ ด้านสุขภาพ

1.การฉีดวัคซีนทำให้เป็นออทิสติก
ออทิสติกนั้นเกิดจากความผิดปกติของโครโมโซม การฉีควัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทั้งนี้ก็ได้มีการศึกษาวิจัยอยู่ โดยความเชื่อนี้มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 มีผู้ปกครองของเด็กกลุ่มนี้ยื่นเรื่องฟ้องโรงพยาบาลที่พาลูกไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดและคางทูม หลังจากนั้นเด็ก ๆ ก็เริ่มมีอาการของโรคออทิสติก หลังจากนั้นจึงมีการวิจัยและทำการศึกษาว่าผลข้างเคียงของวัคซีนนั้นมีอะไรบ้าง แต่ก็ไม่ได้พบปัจจัยอะไรที่ผิดปกติและทำให้เกิดโรคอย่างที่ทางโรงพยาบาลถูกฟ้องหรือแม่ของงเด็กกล่าวอ้าง จึงเป็นไปได้ว่าการเกิดโรคออทิสติกในเด็กกลุ่มนั้นน่าจะเกิดจากการเลี้ยงดู หรืออาการแฝงที่มีมาตั้งแต่กำเนิดมากกว่า

2.วิตามินเสริม ยิ่งทานทำให้สุขภาพดียิ่งขึ้น
ในเรื่องของการทานวิตามิน เชื่อว่ามีบางคนหรือบุคคลส่วนใหญ่ที่เข้าใจว่ายิ่งทานวิตามินยิ่งดี และทานมื้อละหลายๆ ชนิด เท่าที่คาดว่าจะดีต่อสุขภาพมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งความเชื่อนี้ผิดอย่างร้ายแรง เพราะโดยปกติแล้วถึงแม้ร่างกายจะไม่สามารถสร้างวิตามินและแร่ธาตุขึ้นมาได้เอง แต่เราสามารถได้รับจากอาหารที่เรากินเข้าไปอยู่แล้ว เช่น ผักและ ผลไม้ต่างๆ ทั้งนี้วิตามินนั้นเพียงพออยู่แล้วหากเราได้ทานหรือกินอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ในสัดส่วนที่พอเหมาะพอดี โดยการที่เรากินวิตามินเข้าไปมากๆ จะทำให้เราเสี่ยงจากการได้รับวิตามินและแร่ธาตุบางอย่างเกินความจำเป็น เช่น วิตามินซีเพราวิตามินซีสามารถทำให้เกิดอาการท้องเสียได้หากได้รับมากเกินไป มีกรดในกระเพาะสูง ปวดตามข้อ กระดูกพรุน ปวดศีรษะโลหิตจาง การลดลงของฮอร็โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน เป็นต้น