bookmark_borderเดินเพียง 10 นาทีต่อวันสามารถยืดอายุขัยให้คนอายุมากกว่า 85 ได้

นักวิจัยรายงานว่าผู้ที่มีอายุ 85 ปีขึ้นไปสามารถยืดอายุได้โดยการเดินเพียง 10 นาทีต่อวัน เดินเพียง 10 นาทีต่อวัน ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าผู้สูงอายุสามารถออกกำลังกายได้อย่างปลอดภัยโดยการเดินร่วมกับผู้อื่นหรือออกกำลังกายในที่สาธารณะ เช่น ห้างสรรพสินค้า พวกเขาเสริมว่าผู้สูงอายุสามารถออกกำลังกายได้ทุกวันด้วยการจอดรถให้ไกลจากร้านค้าหรือใช้บันไดเมื่อทำได้

พวกเขายังกล่าวอีกว่าการออกกำลังกายบางอย่างสามารถทำได้ภายในบ้าน ผู้คนในวัย 80 ปีสามารถยืดอายุขัยได้ด้วยการเดินเพียง 10 นาทีต่อวัน ตามการวิจัยใหม่ที่เผยแพร่ในวันนี้ “การศึกษาของเราระบุว่าการเดินเพียงหนึ่งชั่วโมงต่อสัปดาห์นั้นเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีอายุ 85 ปีขึ้นไปเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้เคลื่อนไหวเลย ข้อความกลับบ้านคือการเดินต่อไปตลอดชีวิต” นักวิจัยเขียน

การศึกษาใหม่ถูกนำเสนอในการประชุมประจำปีของ European Society of Cardiology ในสัปดาห์นี้ ผลการวิจัยยังไม่ได้รับการตรวจสอบหรือเผยแพร่โดยเพื่อน ในการศึกษาของพวกเขา นักวิจัยได้ตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างการเดินกับความเสี่ยงของการเสียชีวิตจากสาเหตุทั้งหมดและโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ใหญ่อายุ 85 ปีขึ้นไป

พวกเขารายงานว่าการเดินเพียง 10 นาทีต่อวันสามารถเพิ่มอายุขัยได้ นักวิจัยดูข้อมูลสำหรับผู้ใหญ่ 7,047 คนที่มีอายุมากกว่า 85 ปี โดยมีอายุเฉลี่ย 87 ปี จากโครงการตรวจสุขภาพแห่งชาติของเกาหลีระหว่างปี 2552 ถึง 2557 ผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับกิจกรรมยามว่าง รวมถึงระยะเวลาที่ใช้ในแต่ละสัปดาห์ เดินช้าๆ ทำกิจกรรมที่มีความเข้มข้นปานกลาง เช่น ปั่นจักรยานหรือเดินเร็ว

ออกกำลังกายหนักๆ เช่น วิ่ง ของผู้เข้าร่วม  4,051 ไม่ได้ใช้เวลาเดินเลย 597 เดินไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง 849 เดินหนึ่งถึงสองชั่วโมง

610 เดินสองถึงสามชั่วโมง 940 เดินมากกว่าสามชั่วโมง โดยรวมแล้ว ผู้คน 1,037 คนรายงานว่าทำกิจกรรมระดับปานกลางตลอดทั้งสัปดาห์ ขณะที่ 773 คนรายงานว่าออกกำลังกายอย่างกระฉับกระเฉง และ 538 คนตรงตามเวลาที่แนะนำสำหรับการออกกำลังกายระดับปานกลางถึงหนัก

เมื่อเทียบกับบุคคลที่ไม่ได้ใช้งาน คนที่เดินอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงต่อสัปดาห์มีความเสี่ยงต่ำกว่าร้อยละ 40 ต่อการเสียชีวิตจากสาเหตุทั้งหมดและโรคหัวใจและหลอดเลือด ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแนะนำ ผู้ใหญ่ควรออกกำลังกายหนักปานกลาง 150 นาที และฝึกกล้ามเนื้อ 2 วัน เมื่อเราอายุมากขึ้น การปฏิบัติตามคำแนะนำกิจกรรมรายวันหรือรายสัปดาห์อาจกลายเป็นเรื่องท้าทายมากขึ้น “โดยทั่วไป มีคำแนะนำในการออกกำลังกายที่เป็นมาตรฐานสำหรับทุกคนที่มีอายุเกิน 60 ปี” ดร. ดีน่า โกลด์วอเตอร์ รองประธานฝ่ายดูแลผู้ป่วยใน Welcome Health Inc. ในลอสแองเจลิสกล่าวกับ Healthline

คำแนะนำเหล่านี้รวมถึง ออกกำลังกายหนักปานกลาง 150 นาทีต่อสัปดาห์ (เช่น คาร์ดิโอ)  เครื่องช่วยฟัง   ซึ่งแบ่งเป็น 30 นาทีของการออกกำลังกาย 5 วันต่อสัปดาห์ การออกกำลังกายแบบเข้มข้นปานกลาง ได้แก่ การเดินเร็ว เต้นรำ วิ่งจ๊อกกิ้ง ปั่นจักรยานประมาณ 10 ไมล์ต่อชั่วโมงบนพื้นราบ และว่ายน้ำ นอกจากนี้ 60 นาทีต่อสัปดาห์ (ออกกำลังกาย 30 นาที 2 วันต่อสัปดาห์) กับกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ (เช่น การฝึกความแข็งแรง) รวมถึงการฝึกแรงต้านโดยใช้น้ำหนักเบาหรือการออกกำลังกายน้ำหนักตัว เช่น นั่งยองเก้าอี้ วิดพื้น สะพานสะโพก และปอด

นอกจากนี้ยังแนะนำให้ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีออกกำลังกายเพื่อปรับปรุงการทรงตัว เช่น ยืนขาเดียว เดินส้นเท้าจรดปลายเท้า และยกขาข้าง “สำหรับคนที่สนใจที่จะเริ่มต้นหรือเพิ่มปริมาณการออกกำลังกาย สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าอย่าพยายามเพิ่มปริมาณการออกกำลังกายทั้งหมดในคราวเดียว” โกลด์วอเตอร์กล่าว “มันควรจะเป็นกระบวนการที่ช้าและมั่นคง

Goldwater ให้การฝึกอบรมนี้เป็นตัวอย่าง คนที่ไม่ได้ออกกำลังกายเลยสามารถไปเดินเป็นเวลา 10 ถึง 15 นาทีสามครั้งต่อสัปดาห์ หลังจากออกกำลังกายในระดับนี้ 2 สัปดาห์ ให้เพิ่มระยะเวลา (เช่น จาก 10 เป็น 20 นาที 3 วันต่อสัปดาห์) หรือเพิ่มความถี่ (เดิน 10 นาที 5 วันต่อสัปดาห์) ถือการออกกำลังกายแต่ละระดับเป็นเวลาหนึ่งถึงสองสัปดาห์ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

bookmark_borderปากแตกและแห้ง 

อาการที่เป็นริมฝีปากนั้นแห้งแตกนั้นไม่ชุ่มชื่นบางทีริมฝีปากเรานั้นก็แห้งแตกเป็นขุยถ้าเรานั้นเผลอไปแกะก็ยิ่งทำให้เป็นแผลจนเจ็บและก็จะหายได้ยาก อาการของแผลแห้งแตกนั้นก็มักจะเป็นกันบ่อยยิ่งหน้าหนาวนั้นก็จะเป็นกันเยอะ เมื่อเรานั้นทาลิปมันก็ยังเอาไม่อยู่ปากเรานั้นแห้งบ่อยๆนั้นเราต้องมาเช็คกันแล้วค่ะว่าแอบบอกสัญญาณเตือนอะไรเราบ้างหรือว่าเตือนเรื่องสุขภาพของเราอยู่หรือเปล่า ดังนั้นเราจึงจะมาบอกว่าเกิดจากอะไรบ้างและริมฝีปากที่ไม่ชุดชื้นนั้นบอกอะไรได้บ้างและมีวิธีแก้ให้หายนั้นได้ไหม 

ปากแห้งนั้นเกิดจากอะไรได้บ้าง 

อาการปากหรือว่าริมฝีปากนั้นแห้งเกิดขึ้นได้หลายอย่างโดยเฉพาะสาเหตุที่อยู่ใกล้ๆตัวที่ตัวเรานั้นมักจะทำอยู่เสมอ และเป็นประจำ  

  1. เริ่มจากที่ตัวเรานั้นเริ่มที่จะเลียริมฝีปากนั้นบ่อย เพราะเอนไซม์ในน้ำลายจะยิ่งทำให้ปากแห้งมากขึ้นได้ 
  2. การที่เรานั้นดื่มน้ำน้อยนั้นทำให้ร่างกายของเรานั้นขาดความชุ่มชื้นซึ่งเป็นอาการสาเหตุของการทำให้ปากนั้นแห้ง
  3. การที่เรานั้นอยู่แต่ในห้องแอร์นั้นมากเกินไปจึงทำให้ดึงเอาความชุ่มชื้นนั้นออกจากร่างกายเราและก็ทำให้ปากเรานั้นแห้งอีทั้งยังทำให้ผิวเรานั้นแห้งไปด้วย 
  4. เมื่อเรานั้นนอนอ้าปากหรือว่านอนกรน น้ำลายนั้นก็จะถูกผลิตลดน้อยลง ซึ่งจะส่งผลให้เรานั้นปากแห้งและคอแห้งเมื่อที่เรานั้นตื่นมา
  5. ติดลิปบาล์ม ถึงแม้ว่าการที่เรานั้นทาลิปบาล์มนั้นบ่อยจะช่วยได้แต่เมื่อในระยะที่ยาวนั้นจะทำให้ลิปนั้นดูดความชุ่มชื้นนั้นออกจากริมฝีปากได้ 
  6. สารเคมีบางอย่าง เช่นการที่เรานั้นทาลิปสติกนั้นก็อาจจะมีสารเคมีนั้นตกค้าง  สารเคมีในยาสีฟัน  สารเคมีน้ำยาบ้วนปาก ก็อาจจะทำให้ริมฝีปากของเรานั้นเกิดอาการแห้งแตกเป็นขุยได้เช่นกัน 

อาการที่ริมฝีปากของเรานั้นแห้ง แตกเป็นขุย  ไม่ยอมหายสักทีนี่เป็นอาการที่ส่องสัญญาณหรือว่าจะบ่งบอกว่าเรานั้นมีอาการเป็นอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า ริมฝีปากนั้นแห้งเกิดจากอะไรได้บาง 

  • ภาวการณ์ขาดน้ำ  ภาวการณ์ขาดน้ำในร่างกายนั้นเกิดจากการที่เรานั้นสูญเสียน้ำ และเกลือแร่บางชนิดที่มากเกินไปโดยภาวะที่เกิดจากการเสียน้ำได้แก่ ท้องเสียอย่างรุนแรง  ท้องร่วง ซึ่งทั้งนี้ของภาวการณ์ที่ขาดน้ำเรานั้นจะสังเกตได้ว่าอาการจะกระหายน้ำอย่างมาก ริมฝีปากนั้นเริ่มแห้ง ผิวนั้นแห้ง  เหนื่อยง่าย มีอาการปวดหัว เวียนหัวและเมื่อเรานั้นยังปล่อยทิ้งไว้นานนั้นร่างกายของเรานั้นจะขาดน้ำอย่างหนักมาก หรือการที่เราดื่มน้ำไม่เพียงพอ และจะทำให้เรานั้นมีโรคตามมา 

 

สนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟัง

bookmark_borderต้นเกิดที่ทำให้เกิดหูชั้นในอักเสบ

หูคนเรานั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ชั้น คือ หูชั้นนอกคือช่วงจากใบหูเข้าไปจนถึงเยื่อแก้วหู  หูชั้นกลาง คืออยู่ถัดจากเยื่อแก้วหูเข้าไปเป็นช่องที่บรรจุกระดูกอ่อนที่รับการสั่นสะเทือนของคลื่นเสียงไว้ข้างในนั้นและจะมีช่องทางที่เชื่อมกับลำคอและโพรงจมูก ที่เรียกว่า ท่อยูสเตเชียน และหูชั้นใน หูชั้นในจะมีอวัยวะสำคัญ 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นรูปหอยโข่งซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการได้ยิน และส่วนที่มีรูร่างเป็นหลอดกึ่งวงกลม ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการทรงตัว ทั้งสองส่วนนี้จะต่อกันเป็นอวัยวะภายในหูชั้นใน  และการอักเสบของอวัยวะภายในหูชั้นในนั้น เรียกว่า หูชั้นในอักเสบทำให้การทรงตัวเสียไปชั่วคราว

และจะเกิดอาการวิงเวียนเป็นสำคัญ โรคหูชั้นในอักเสบจะพบได้ค่อนข้างบ่อยส่วนมากจะมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสซึ่งจะลุกลามมาจากบริเวณจมูกและลำคอและผ่านท่อยูสเตเชียนเข้ามาในหูชั้นในเป็นส่วนมาก มักเกิดตามหลังไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ ซึ่งชาวบ้านมักเรียกว่า โรคไวรัสลงหู ที่จริงน่าจะเรียกว่า ไวรัสขึ้นหูซะมากกว่า บางครั้งก็อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ลุกลามมาจากการอักเสบของหูชั้นกลาง  ซึ่งหูชั้นกลางเวลาอักเสบจะมีอาการปวดหู หูอื้อ หรืออาจจะขั้นมีไข้ร่วมด้วย และมักจะพบหลังเป็นไข้หวัดเช่นเดียวกัน โรคหูชั้นในอักเสบจากไวรัส หรือไวรัสลงหู

จะเป็นอยู่เพียงไม่กี่วันและหายได้เองโดยไม่ต้องพึ่งยาอะไร ยกเว้นแต่ว่ายาแก้อาการคลื่นไส้ วิงเวียนสำหรับคนที่มีอาการวิงเวียนมาก นับว่าเป็นโรคที่ไม่มีอันตรายร้ายแรงแต่มากเท่าไรแต่อย่างไรก็ตาม จงพึงระลึกอยู่เสมอว่า อาการวิงเวียนนั้นอาจมีสาเหตุได้มากมายหลายอย่าง จึงต้องสังเกตดูอาการอย่างละเอียดถี่ถ้วน ถ้ามีอาการรุนแรงหรือมีอาการผิดปกติอื่นๆร่วมอยู่ด้วย

หรือเป็นเรื้อรังเกินสัปดาห์ ก็อาจจะต้องไปพบหมอ เพื่อวินิจฉัยว่าเป็นอะไร เพื่อให้หมอวินิจฉัยอาการเช่นนี้เกิดจากอะไร เพราะโรคเยื้อหูชั้นในอักเสบอาจจะมีอาการวิงเวียรศีรษะแค่ไม่กี่ชั่วโมงหรือกี่วัน ถ้าหากมีอาการที่นานกว่านี้หรือเป็นแบบเรื้อรังนั้นอาจจะไม่ได้เป็นโรคหูชั้นในอักเสบก็ได้ ฉะนั้นการพบหมอก็เป็นนเรื่องสำคัญ เราไม่ควรคิดเองว่าเราเป็นโรคอะไร

เพราะเราอาจะจะคิดผิด การรักษาโรคหูชั้นในอักเสบให้หายขาดก็เป็นเรื่องที่สำคัญเพราะถ้าหากรักษาไม่หายขาด อาจจะก่อให้เกิดโรคหูอื่นๆตามาก เชื่อเยื้อแก้วหูอักเสบได้ เพราะเยื้อแก้วหูกับเยื้อหูชั้นในจะอยู่บริเวณใกล้ๆกัน ฉะนั้นหากไม่หายสนิทก็อาจจะติดเชื้อไปยังส่วนอื่นๆของหูได้

ขอบคุณเว็บ  เครื่องช่วยฟัง  ที่คอยให้การสนับสนุนเรา

bookmark_borderอาการเจ็บป่วยทางหู

ไม่เจอกับตัวไม่รู้จริงๆ ว่าอาการเจ็บป่วยทางหูนั้น ทรมานไม่ใช่น้อยเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เคยได้ยินปกติมาก่อน จู่วันหนึ่งกลับได้ยินเสียงได้น้อยลง นอกจากร่างกายจะป่วยแล้ว จิตใจก็บอบช้ำไม่ต่างกัน 

ก่อนจะไปคุยกันเรื่องหูตึง เรามาทำความรู้จักกับหูของเราก่อนดีกว่า ว่าประกอบไปด้วยอะไรบ้าง?

3 ส่วน คือ หูชั้นนอก หูชั้นกลาง และหูชั้นใน หูชั้นนอก (The outer ear)

หูชั้นนอก ประกอบด้วยใบหู (Auricle) และรูหู (Auditory canal) ทำหน้าที่เป็นทางนำเสียงเข้าไปสู่หูชั้นกลางโดยที่ใบหูจะทำหน้าที่ ช่วยรวบรวมเสียงจากทิศต่างๆ ส่วนรูหูจะทำหน้าที่เป็นทางนำเสียง ไปสู่เยื้อแก้วหู

หูชั้นกลาง (The middle ear) เป็นส่วนของหูที่ต่อมาจากหูชั้นนอก โดยเริ่มจากแก้วหูเข้าไปในช่องว่างซึ่งบรรจุด้วยกระดูกนำเสียง ซึ่งติดต่อไปกับหูชั้นใน

หูชั้นใน (The inner ear) อวัยวะในหูชั้นในมีอยู่สองส่วน คือ ส่วนรับเสียง ที่เรียกว่า Cochlea และส่วนควบคุมการทรงตัว คือ Semicircular canal และ Otolithic organ 

การสูญเสียการได้ยิน (hearing loss) คือการที่หูข้างเดียวหรือทั้งสองข้างได้ยินเสียงลดลงหรือไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลย โดยระดับของการได้ยินนั้นมีตั้งแต่หูตึงเพียงเล็กน้อยไปจนถึงหูหนวกซึ่งหมายความว่าเสียงที่จะได้ยินต้องดังกว่า 90 เดซิเบลขึ้นไป 

ซึ่งปกติแล้วเรามักจะเจอว่าผู้ป่วยหูตึงจะมีอายุเยอะแล้ว ไม่ค่อยพบในวัยรุ่น หรือวัยทำงาน แต่ความจริงแล้วไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดปัญหาเรื่องหูตึง ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ หรือว่าการที่ชีวิตมีความเสี่ยง อาจต้องทำงานในที่มีเสียงดังเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด และตัวเองก็ไม่มีเครื่องมือป้องกันที่ดีพอ 

วิธีการดูแลตัวเองจึงเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าการหาทางรักษา เราต้องรักชีวิตของเราให้มากพอ ไม่เอาตัวเองไปอยู่ในที่เสี่ยง หรือถ้าหากว่าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ งานนั้นเราจำเป็นต้องทำเพื่อปากท้อง เครื่องมือหรืออุปกรณ์ป้องกันตัวเองจากเสียงก็ต้องหามาใช้อย่างถูกวิธี เพื่อยืดอายุการใช้งานของหูให้นานมากที่สุด และถ้าเป็นไปได้ อย่าเอาตัวเองไปอยู่ในที่เสี่ยงจะดีที่สุด ยังมีอาชีพอื่นให้ทำอีกเยอะ 

และถ้าหากว่าเกิดปัญหาขึ้นมาแล้ว อย่าเพิ่งท้อแท้หรือว่าหมดหวัง ยังมีทางรักษาอีกมากกำลังรอคุณอยู่ เพียงแต่ต้องรักษาและตรวจจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้การรักษานั้นเป็นไปอย่างถูกต้อง แม่นยำ และไม่ทำให้อาการแย่ลง ท่องจำไว้ให้ดี สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เครื่องช่วยฟัง